.เปิดเกมรุก: ถอดรหัสยักษ์อสังหาฯ ไทย ฝ่ามรสุมปี 2568 พร้อมกลยุทธ์พิชิตตลาดแห่งอนาคต
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของตลาดมานับครั้งไม่ถ้วน หากย้อนกลับไปมองในปี 2566 และต่อเนื่องถึง 2567 เราคงต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายยิ่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ในหลายมิติ แรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง ล้วนเป็นปัจจัยที่บีบคั้นกำลังซื้อของผู้บริโภค การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติที่แม้จะกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างโมเมนตัมให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคักได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง
เปิดเกมรุก: ถอดรหัสยักษ์อสังหาฯ ไทย ฝ่ามรสุมปี 2568 พร้อมกลยุทธ์พิชิตตลาดแห่งอนาคต
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของตลาดมานับครั้งไม่ถ้วน หากย้อนกลับไปมองในปี 2566 และต่อเนื่องถึง 2567 เราคงต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายยิ่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ในหลายมิติ แรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง ล้วนเป็นปัจจัยที่บีบคั้นกำลังซื้อของผู้บริโภค การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติที่แม้จะกระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างโมเมนตัมให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคักได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงล่าง
เข้าสู่ปี 2568 ภูมิทัศน์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเป็นสนามรบที่ดุเดือด แต่ก็เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์และพร้อมปรับตัว การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่ขนาดของพอร์ตโฟลิโอเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป หากแต่อยู่ที่ความสามารถในการอ่านเกม ตีโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ และการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ Property Mentor ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่เราเชื่อถือได้ ได้รวบรวมและวิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 41 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อฉายภาพว่าใครคือผู้ที่สามารถยืนหยัดและคว้าชัยในสมรภูมิแห่งนี้ได้ในรอบปี 2567 ที่ผ่านมา และแนวโน้มที่จะก้าวต่อไปในปี 2568 ซึ่งเป็นปีแห่งการพลิกโฉมครั้งสำคัญ

ถอดรหัสผลประกอบการรวม: ใครยืนหนึ่งท่ามกลางความผันผวน?
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2567 ยังคงเผชิญกับคลื่นลมที่รุนแรง แม้หลายฝ่ายจะคาดหวังถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มส่งผล แต่ภาพรวมกลับยังคงเป็นไปในลักษณะ “ทรงตัวแต่ไม่สดใส” สะท้อนจากรายได้รวมของบริษัทอสังหาฯ ทั้ง 41 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.6 – 3.7 แสนล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า หรืออาจจะทรงตัวในระดับใกล้เคียงเดิม แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการกระจุกตัวของรายได้ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้เล่นรายใหญ่ที่มีความหลากหลายทางธุรกิจและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งยังคงเป็นแกนนำของตลาด ในขณะที่ผู้เล่นรายกลางและเล็กจำนวนมากยังคงต้องดิ้นรน
จากการวิเคราะห์เชิงลึก พบว่ามีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ต้องเผชิญกับภาวะรายได้รวมที่ลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทที่พึ่งพารายได้จากการขายโครงการขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว หรือมีพอร์ตโฟลิโอที่กระจุกตัวอยู่ในทำเลที่อุปทานล้นตลาด หรือกลุ่มสินค้าราคาแพงที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกำลังซื้อที่หดตัว ตัวอย่างเช่น บริษัทที่เน้นการพัฒนาคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง หรือโครงการแนวราบราคาสูง ซึ่งยังคงต้องใช้เวลาในการดูดซับอุปทานที่มีอยู่เดิม ขณะที่บางบริษัทที่เคยทำรายได้ในหลักร้อยถึงพันล้านบาทเมื่อไม่กี่ปีก่อน ก็อาจเห็นตัวเลขลดลงในระดับสองหลัก ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างธุรกิจและกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน การบริหารจัดการกระแสเงินสดและหนี้สินกลายเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุดเพื่อความอยู่รอดในระยะยาว
เจาะลึกรายได้รวม: การจัดอันดับใหม่และปัจจัยขับเคลื่อนความสำเร็จ
สำหรับ 10 อันดับบริษัทอสังหาฯ ที่มีรายได้รวมสูงสุดในปี 2567 ที่ผ่านมา ภาพรวมยังคงสะท้อนถึงอิทธิพลของบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ แต่ก็มีสัญญาณของการปรับเปลี่ยนตำแหน่งและกลยุทธ์ที่น่าจับตาในบริบทของปี 2568:
แสนสิริ (Sansiri): ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยรายได้รวมที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง ประมาณ 38,000 – 40,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนจากกลยุทธ์ “Sense of Home” ที่เน้นความเข้าใจลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์ การเปิดตัวโครงการที่หลากหลายทั้งแนวราบและแนวสูงในทำเลศักยภาพ การขยายตลาดต่างประเทศ และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งผ่านแคมเปญการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างดีเยี่ยม ถือเป็นบริษัทที่ปรับตัวได้เร็วและตอบโจทย์ตลาดได้ตรงจุด
Keywords: แสนสิริ, บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์, การตลาดอสังหาฯ.
เอพี (ไทยแลนด์) (AP (Thailand)): ตามมาติดๆ ด้วยรายได้รวมที่ใกล้เคียงกับแสนสิริ โดยเน้นกลยุทธ์ “การสร้างสรรค์นวัตกรรมพื้นที่” (Innovation of Space) ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองอย่างชาญฉลาด AP มีจุดแข็งในการพัฒนาคอนโดมิเนียมคุณภาพสูงและบ้านแนวราบที่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนทำงานได้อย่างดีเยี่ยม การบริหารจัดการโครงการที่มีประสิทธิภาพและการส่งมอบตรงเวลาเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ AP ยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำ
Keywords: เอพี ไทยแลนด์, คอนโดมิเนียม, บ้านแนวราบ, นวัตกรรมอสังหาฯ.
ศุภาลัย (Supalai): ยังคงเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวมที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 30,000 – 32,000 ล้านบาท ศุภาลัยโดดเด่นในเรื่องการบริหารต้นทุนที่ดีเยี่ยม การขยายฐานการพัฒนาโครงการไปยังหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ และการนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความมั่นคงในระยะยาว
Keywords: ศุภาลัย, อสังหาริมทรัพย์ราคาเข้าถึงได้, การบริหารต้นทุนอสังหาฯ.
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (Land & Houses): แม้จะเผชิญกับความท้าทายในปีก่อนหน้า แต่ด้วยฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและการกระจายการลงทุนไปในธุรกิจให้เช่า ทำให้แลนด์แอนด์เฮ้าส์ยังคงรักษาระดับรายได้รวมไว้ได้ประมาณ 28,000 – 30,000 ล้านบาท จุดแข็งคือแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ คุณภาพโครงการที่เป็นที่ยอมรับ และการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง
Keywords: แลนด์แอนด์เฮ้าส์, อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า, การกระจายความเสี่ยง.
พฤกษา โฮลดิ้ง (Pruksa Holding): พฤกษายังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ โดยมีรายได้รวมประมาณ 25,000 – 27,000 ล้านบาท บริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยเน้นการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์เทรนด์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงการปรับโมเดลธุรกิจให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
Keywords: พฤกษา โฮลดิ้ง, อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ, บ้านอัจฉริยะ.
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC Asset Corporation): คาดการณ์รายได้รวมประมาณ 23,000 – 25,000 ล้านบาท SC Asset โดดเด่นด้วยการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมและการสร้างสรรค์ประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่า รวมถึงการขยายสู่ตลาดเช่าและบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
Keywords: SC Asset, อสังหาริมทรัพย์พรีเมียม, โครงการที่อยู่อาศัย.
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (Origin Property): แม้จะเผชิญกับความผันผวนบ้าง แต่ Origin ยังคงรักษาการเติบโตได้ดีจากการปรับกลยุทธ์สู่การพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูส (Mixed-Use) และการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ เพื่อสร้างรายได้ประจำให้มากขึ้น รายได้รวมคาดว่าจะอยู่ที่ 16,000 – 18,000 ล้านบาท
Keywords: ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, โครงการมิกซ์ยูส, โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์.
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (Frasers Property (Thailand)): บริษัทที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ทั้งที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ทำให้รายได้รวมยังคงอยู่ในระดับ 15,000 – 17,000 ล้านบาท การกระจายความเสี่ยงในหลายกลุ่มธุรกิจเป็นกุญแจสำคัญ
Keywords: เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้, อสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรม, อสังหาริมทรัพย์พาณิชยกรรม.
ยูนิเวนเจอร์ (Univenture): เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตา ด้วยรายได้รวมประมาณ 16,000 – 18,000 ล้านบาท ยูนิเวนเจอร์มีจุดแข็งจากการลงทุนในธุรกิจพลังงานและอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ ทำให้สามารถประคองตัวและเติบโตได้ท่ามกลางความท้าทาย
Keywords: ยูนิเวนเจอร์, การลงทุนพลังงาน, ธุรกิจอสังหาฯ หลากหลาย.
สิงห์ เอสเตท (Singha Estate): รายได้รวมคาดการณ์ประมาณ 14,000 – 16,000 ล้านบาท สิงห์ เอสเตท เน้นการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีคุณภาพสูง ทั้งโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม และรีสอร์ทระดับหรู ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจน้อยกว่า
Keywords: สิงห์ เอสเตท, โรงแรมหรู, อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักผ่อน.
กลยุทธ์พิชิตยอดขาย: เมื่อการขายไม่ใช่แค่การสร้าง แต่คือการเข้าใจตลาด
หากมองที่รายได้จากการขาย ซึ่งเป็นตัวชี้วัดกำลังซื้อและประสิทธิภาพในการระบายสต็อกสินค้า พบว่าในปี 2567 รายได้จากการขายรวมของทั้ง 41 บริษัท ยังคงเป็นช่วงเวลาของการปรับฐาน โดยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 – 2.6 แสนล้านบาท ลดลงจากปี 2566 เล็กน้อย ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงและการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มียอดขายโดดเด่นคือผู้ที่เข้าใจตลาดอย่างแท้จริง
เอพี (ไทยแลนด์) (AP (Thailand)): ยังคงเป็นแชมป์ยอดขาย ด้วยรายได้จากการขายประมาณ 35,000 – 37,000 ล้านบาท AP มีความเชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการนำเสนอคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวในทำเลเมืองที่มีความต้องการสูง และการใช้ช่องทางการตลาดดิจิทัลที่ทันสมัยเพื่อเข้าถึงผู้ซื้อ
Keywords: ยอดขายอสังหาฯ, กลยุทธ์การตลาดดิจิทัล, คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า.
แสนสิริ (Sansiri): ตามมาเป็นอันดับสองด้วยยอดขายประมาณ 30,000 – 32,000 ล้านบาท แสนสิริประสบความสำเร็จในการกระตุ้นยอดขายด้วยการเปิดตัวโครงการที่หลากหลายครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่บ้านหรูไปจนถึงทาวน์โฮมราคาจับต้องได้ รวมถึงการจัดแคมเปญที่น่าสนใจและการนำเสนอสิทธิประโยชน์พิเศษแก่ลูกค้า
Keywords: แสนสิริ, บ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม, แคมเปญอสังหาฯ.
ศุภาลัย (Supalai): ยอดขายประมาณ 28,000 – 30,000 ล้านบาท ศุภาลัยยังคงรักษาความแข็งแกร่งด้านยอดขายจากการนำเสนอโครงการที่มีคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผล การขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
Keywords: ศุภาลัย, อสังหาริมทรัพย์ต่างจังหวัด, บ้านจัดสรร.
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC Asset Corporation): ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นแถวหน้าด้วยยอดขายประมาณ 22,000 – 24,000 ล้านบาท SC Asset โดดเด่นในกลุ่มตลาดบ้านหรูและคอนโดมิเนียมพรีเมียม ที่แม้จำนวนยูนิตจะไม่มากแต่มีมูลค่าสูง รวมถึงการสร้างสรรค์ดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับบน
Keywords: SC Asset, บ้านหรู, คอนโดมิเนียมพรีเมียม, ทำเลทองอสังหาฯ.
พฤกษา โฮลดิ้ง (Pruksa Holding): ยอดขายประมาณ 20,000 – 22,000 ล้านบาท พฤกษาได้ปรับกลยุทธ์การขายโดยเน้นโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่ม Mass-Affluent และโครงการที่อยู่อาศัยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ซึ่งเริ่มได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น
Keywords: พฤกษา โฮลดิ้ง, อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน, บ้านเพื่อสุขภาพ.
บริษัทอื่นๆ อย่างเช่น แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (Land & Houses) แม้ยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยอาจลดลงบ้าง แต่ก็ยังคงรักษาฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งได้ ส่วน Origin Property ได้ปรับกลยุทธ์การขายโครงการแนวราบมากขึ้น และยังคงรักษายอดขายในกลุ่มคอนโดมิเนียมในทำเลศักยภาพได้ดี
ที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือ เซ็นทรัลพัฒนา (Central Pattana) ที่ยังคงเดินหน้าเก็บเกี่ยวรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยที่ผนวกเข้ากับศูนย์การค้าแบบ Mixed-use ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายที่เติบโตแบบก้าวกระโดดจากฐานที่ยังไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบ One-Stop Living
กำไรสุทธิ: บทพิสูจน์ที่แท้จริงของความแข็งแกร่งและธรรมาภิบาล
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพที่แท้จริงของธุรกิจคือ “กำไรสุทธิ” ไม่ใช่เพียงแค่รายได้หรือยอดขายทั้งหมด ในปี 2567 ภาพรวมกำไรสุทธิของทั้ง 41 บริษัท ยังคงเผชิญความท้าทาย โดยคาดการณ์กำไรรวมที่ประมาณ 40,000 – 42,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย บ่งบอกถึงภาวะ “ต้นทุนสูง-แข่งขันดุ” ที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ ทั้งค่าที่ดิน ค่าก่อสร้าง ค่าแรงงาน และดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
สิ่งที่น่าตกใจคือยังคงมีบริษัทจำนวนหนึ่งที่ประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง สะท้อนถึงการปรับตัวที่ไม่ทันต่อสถานการณ์ตลาด หรือมีภาระหนี้สินที่กดดันผลประกอบการอย่างหนัก ในขณะที่ผู้ประกอบการที่สามารถทำกำไรได้ดีคือผู้ที่บริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการได้จริง
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (Land & Houses): ยังคงเป็นแชมป์ทำกำไรสูงสุด ด้วยกำไรสุทธิที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 7,000 – 7,500 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เช่น โรงแรมและศูนย์การค้า รวมถึงการขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs ซึ่งช่วยสร้างกำไรพิเศษและเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัท
Keywords: แลนด์แอนด์เฮ้าส์, กำไรสุทธิอสังหาฯ, Recurring Income, REITs.
ศุภาลัย (Supalai): ตามมาด้วยกำไรสุทธิประมาณ 5,800 – 6,200 ล้านบาท ศุภาลัยโดดเด่นในการสร้างกำไรจากธุรกิจหลัก (Core Business) ด้วยกลยุทธ์การบริหารต้นทุนอย่างเข้มงวด การเลือกทำเลที่มีศักยภาพ และการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ตลาด Mass-Affordable ซึ่งมีอัตรากำไรที่ดี
Keywords: ศุภาลัย, การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ, อัตรากำไรสุทธิ.
เอพี (ไทยแลนด์) (AP (Thailand)): กำไรสุทธิคาดการณ์ประมาณ 5,800 – 6,000 ล้านบาท AP แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแปลงยอดขายเป็นกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ ด้วยการควบคุมต้นทุนการพัฒนาโครงการที่ดีเยี่ยม และการสร้างแบรนด์ที่สามารถกำหนดราคาขายได้ในระดับที่เหมาะสม
Keywords: เอพี ไทยแลนด์, การสร้างมูลค่าเพิ่ม, การบริหารจัดการโครงการ.
แสนสิริ (Sansiri): กำไรสุทธิที่คาดว่าจะอยู่ในช่วง 5,500 – 5,800 ล้านบาท แสนสิริแสดงการเติบโตของกำไรอย่างโดดเด่น จากการฟื้นตัวของยอดขาย การควบคุมค่าใช้จ่าย และการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอที่มีประสิทธิภาพ
Keywords: แสนสิริ, การเติบโตของกำไร, การบริหารพอร์ตโฟลิโอ.
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (Origin Property): แม้จะเผชิญกับความท้าทายในปีก่อนหน้า แต่ Origin ก็ยังคงรักษากำไรสุทธิไว้ได้ในระดับ 3,000 – 3,200 ล้านบาท จากการปรับกลยุทธ์สู่โครงการ Mixed-use ที่สร้างรายได้ประจำ และการร่วมทุนกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง
Keywords: ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, โครงการมิกซ์ยูส, การร่วมทุนอสังหาฯ.
นอกจากนี้ เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC Asset) และ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (Quality Houses) ก็ยังคงเป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง
ภาพอนาคตอสังหาฯ ไทย 2568-2570: เมกะเทรนด์ที่ไม่อาจมองข้าม
การก้าวเข้าสู่ปี 2568 และในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญกับเมกะเทรนด์สำคัญที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนไม่ควรมองข้าม:
ความยั่งยืนและอสังหาริมทรัพย์สีเขียว (Sustainability & Green Real Estate): ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โครงการที่เน้นการประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุรีไซเคิล หรือได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารเขียวจะได้รับความนิยมและมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนในตลาด อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คืออนาคต
Keywords: อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน, อาคารสีเขียว, การประหยัดพลังงาน.
เทคโนโลยีและสมาร์ทโฮม (PropTech & Smart Home): การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการโครงการ การตลาด การขาย และการอยู่อาศัย (Smart Home Technology) จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ระบบ Home Automation, IoT, และ AI จะเข้ามามีบทบาทในทุกแง่มุมของอสังหาริมทรัพย์
Keywords: PropTech, Smart Home Technology, AI ในอสังหาฯ, Digital Transformation.
การพัฒนาแบบผสมผสาน (Mixed-Use Development): โครงการที่ผสานที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีก สำนักงาน และพื้นที่ไลฟ์สไตล์เข้าไว้ด้วยกัน ยังคงเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะในทำเลเมืองใหญ่ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ครบวงจร ลดการเดินทาง และสร้างชุมชนที่ยั่งยืน
Keywords: การพัฒนาแบบผสมผสาน, โครงการ Mixed-use, One-Stop Living.
อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness Real Estate): เทรนด์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการออกแบบโครงการมากขึ้น ทั้งในแง่ของพื้นที่สีเขียว ระบบระบายอากาศที่ดี วัสดุที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ส่งเสริมกิจกรรมทางกายภาพและจิตใจ
Keywords: Wellness Real Estate, อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ, สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี.
การเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์ (Demographic Shifts): การเข้าสู่สังคมสูงวัย และการเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z) จะส่งผลต่อรูปแบบและความต้องการที่อยู่อาศัย การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ (Aging-in-place) และพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-living/Co-working) สำหรับคนรุ่นใหม่จะเป็นสิ่งสำคัญ
Keywords: สังคมสูงวัย, Co-living Space, ความต้องการที่อยู่อาศัยคนรุ่นใหม่.
โครงสร้างพื้นฐานและทำเลทองใหม่ (Infrastructure & New Golden Locations): การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง สนามบิน และถนนตัดใหม่ ยังคงสร้างโอกาสให้เกิดทำเลทองใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตของราคาอสังหาริมทรัพย์
Keywords: โครงสร้างพื้นฐาน, ทำเลทองอสังหาฯ, รถไฟฟ้าความเร็วสูง.
สรุปและข้อคิด: บทเรียนสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการ
ปี 2568 คือปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงอยู่ในช่วงของการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ขนาด แต่คือความสามารถในการปรับตัว สร้างนวัตกรรม และบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเฉียบคม ผู้ประกอบการที่มุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีวินัย จะยังคงเป็นผู้ชนะในสมรภูมินี้ ส่วนนักลงทุน การศึกษาทำเลที่มีศักยภาพ การเลือกโครงการที่มีคุณภาพ และการพิจารณาสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความมั่งคั่งในระยะยาว
พร้อมยกระดับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของคุณแล้วหรือยัง?
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 การมีข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ อย่าพลาดโอกาสในการค้นพบกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ติดตามบทวิเคราะห์ตลาดเชิงลึกของเรา หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน.
