ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงในรัศมี 130 กิโลเมตรจากชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อยู่ในระยะของขีปนาวุธ PHL-03 ขีดความสามารถสูงสุดของกัมพูชา ที่สามารถยิงไกลไปถึงได้
โดยพื้นที่ 16 จังหวัด แบ่งออกเป็น 2 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออก 7 จังหวัด คือ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี ชลบุรี และระยอง
เจาะลึกตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568: ถอดรหัสผู้ชนะตัวจริงในมิติใหม่แห่งการลงทุน
ปี 2568 นับเป็นห้วงเวลาสำคัญที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญหน้ากับบททดสอบครั้งใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยโอกาสอันน่าตื่นเต้น บทเรียนจากปี 2566 ที่ตลาดชะลอตัวต่อเนื่องจนถึงปลายปี และการประคับประคองสถานการณ์ใน 2567 ได้หล่อหลอมให้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ต้องปรับกระบวนทัพและพลิกกลยุทธ์เพื่ออยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมขอพาทุกท่านดำดิ่งสู่การวิเคราะห์เชิงลึกถึงสถานการณ์ปัจจุบัน แนวโน้มในอนาคต และถอดรหัสว่าใครคือผู้ที่พร้อมจะก้าวขึ้นเป็น “ผู้ชนะตัวจริง” ใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ปี 2568 นี้
ภาพรวมเศรษฐกิจและแนวโน้มที่ส่งผลต่อตลาดอสังหาฯ ปี 2568
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ได้รับแรงหนุนหลักจากการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักและการส่งออกที่เริ่มมีทิศทางดีขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ ทั้งจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสร้างแรงกดดัน และทิศทาง ดอกเบี้ยขาขึ้น ที่แม้จะชะลอตัวลงแต่ก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ กำลังซื้อผู้บริโภค และต้นทุนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ของ บริษัทอสังหาฯ ที่จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์
นโยบายภาครัฐยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน ตลาดที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะดึงดูดเม็ดเงินใหม่ๆ เข้าสู่ภาค การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในกลุ่ม คอนโดมิเนียม หรู และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในทำเลศักยภาพ

ถอดรหัสผลประกอบการ: บทเรียนจาก 2566 สู่กลยุทธ์ 2568
ข้อมูลเชิงลึกจากการรวบรวมผลประกอบการของ 41 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใน ตลาดหลักทรัพย์ ปี 2566 โดย Property Mentor ได้สะท้อนภาพความท้าทายที่หลายบริษัทต้องเผชิญ แม้ รายได้รวม ของทั้งอุตสาหกรรมจะลดลงเล็กน้อยที่ -1.2% แต่ตัวเลขนี้ซ่อนความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในแต่ละบริษัท โดยมีถึง 25 บริษัทที่ รายได้รวม ลดลงอย่างน่าเป็นห่วง
บริษัทที่เผชิญภาวะถดถอยรุนแรง เช่น L.P.N. Development, Eastern Star Real Estate, Country Group Development ที่ติดลบกว่า -28% และ Raimon Land ที่รายได้ลดลงถึง -26% แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของบางเซ็กเมนต์และผลกระทบจากการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอที่ไม่ตอบรับกับสถานการณ์ ในขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Land & Houses (แลนด์แอนด์เฮ้าส์) และ AP (เอพี) แม้จะยังครองตำแหน่งผู้นำแต่ก็เผชิญกับ รายได้รวม ที่ลดลงเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีใครรอดพ้นจากกระแสท้าทายในตลาด
อย่างไรก็ดี แสนสิริ (Sansiri) กลับโดดเด่นเป็นแชมป์ในด้าน รายได้รวม ด้วยตัวเลข 39,082 ล้านบาท เติบโตถึง 12% ในปี 2566 แซงหน้า AP (เอพี) ที่ทำได้ 38,399 ล้านบาทอย่างเฉียดฉิว ความสำเร็จของแสนสิริเป็นผลมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ และการทำ การตลาดอสังหาฯ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือบทเรียนสำคัญที่หลายบริษัทนำมาปรับใช้เป็น กลยุทธ์พัฒนาอสังหาฯ ในปี 2568
เจาะลึกรายได้จากการขาย: วัดกันที่แก่นของธุรกิจ
หากจะวัดความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง ต้องพิจารณาที่ รายได้จากการขาย ซึ่งเป็นรายได้หลักจากการพัฒนาและจำหน่าย โครงการใหม่ ในปี 2566 ทั้ง 41 บริษัททำ รายได้จากการขาย รวมกันได้ 268,460 ล้านบาท ลดลงถึง -11% จากปี 2565 โดยมีถึง 30 บริษัทที่รายได้จากการขายลดลง นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าการแข่งขันใน ตลาดที่อยู่อาศัย รุนแรงขึ้น และการปิดการขายเป็นเรื่องที่ท้าทาย
บริษัทอย่าง Raimon Land เผชิญกับการลดลงของ รายได้จากการขาย อย่างหนักถึง -78% และ L.P.N. Development ลดลงเกือบ -40% แม้กระทั่ง Land & Houses (แลนด์แอนด์เฮ้าส์) ก็ยังมียอดขายลดลงถึง -38% แสดงให้เห็นว่าการพึ่งพาแต่แบรนด์เดิมๆ อาจไม่เพียงพอในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกและข้อมูลมหาศาล
แต่ในภาพรวม AP (เอพี) ได้พิสูจน์ความเป็น “มือวางอันดับ 1 ในการขาย” โดยสามารถทำ รายได้จากการขาย สูงสุดที่ 36,927 ล้านบาทในปี 2566 แม้จะลดลงเล็กน้อยที่ -2% แต่ก็ยังแซงหน้าแสนสิริที่ทำได้ 32,829 ล้านบาท โดยแสนสิริเป็น 1 ใน 2 บริษัทใน Top 10 ที่มียอดขายเติบโตถึง 7% เช่นเดียวกับ SC Asset (เอสซี แอสเสท) ที่ยอดขายเติบโต 13% ขึ้นมาติด Top 5 ด้วยรายได้ 23,370 ล้านบาท การเติบโตของทั้งสองบริษัทนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการบริหารจัดการสต็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ Central Pattana (เซ็นทรัลพัฒนา) เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่น่าจับตาในภาคที่อยู่อาศัย โดยมียอดขายเติบโตก้าวกระโดดถึง 103% ในปี 2566 ด้วยรายได้ 5,835 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจจากศูนย์การค้าสู่การพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ เพื่อขายอย่างเต็มตัว การผสานจุดแข็งของทั้งสองธุรกิจเข้าด้วยกันจะกลายเป็นโมเดลที่น่าสนใจสำหรับ แนวโน้มตลาดอสังหาฯ 2568
ผู้ชนะที่แท้จริง: กำไรสุทธิในยุคที่ต้นทุนสูงขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จที่แท้จริงของการดำเนินธุรกิจวัดกันที่ กำไรสุทธิ ที่บริษัทสามารถเก็บเข้ากระเป๋าได้ ในปี 2566 ทั้ง 41 บริษัททำ กำไรสุทธิ รวมกันได้ 44,165 ล้านบาท ลดลง -11% จากปีก่อนหน้า โดยมีถึง 12 บริษัทที่ขาดทุน และกว่า 20 บริษัทที่กำไรลดลง นี่คือสัญญาณที่เตือนว่าการทำกำไรในธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปในยุคที่ต้นทุนการก่อสร้างและต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น
Land & Houses (แลนด์แอนด์เฮ้าส์) ยังคงยืนหนึ่งด้าน กำไรสุทธิ สูงสุดที่ 7,495 ล้านบาทในปี 2566 แม้ รายได้รวม จะลดลงก็ตาม เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการขายโรงแรม 2 แห่งเข้ากองทุน คิดเป็นกำไรถึง 2,500 ล้านบาท หากไม่มีรายการพิเศษนี้ Supalai (ศุภาลัย) จะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้วย กำไรสุทธิ 6,083 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างยอดเยี่ยม
AP (เอพี) ตามมาอย่างใกล้ชิดด้วย กำไรสุทธิ 6,054 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการขายสามารถแปรเปลี่ยนเป็นกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ แสนสิริ (Sansiri) ก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจด้วย กำไรสุทธิ 5,846 ล้านบาท เติบโตถึง 42% ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตที่ยั่งยืนจากยอดขายที่แข็งแกร่ง
Origin Property (ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้) แม้ กำไรสุทธิ จะลดลง -25% แต่ก็ยังคงรักษาระดับกำไรไว้ได้ที่ 3,160 ล้านบาท ในขณะที่ SC Asset (เอสซี แอสเสท) ทำ กำไรสุทธิ ได้ 2,525 ล้านบาท และ Quality Houses (ควอลิตี้ เฮ้าส์) 2,503 ล้านบาท ซึ่งต่างก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรแม้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย และ Central Pattana (เซ็นทรัลพัฒนา) ก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลกำไรจากธุรกิจที่อยู่อาศัยเข้ามาเสริมทัพอย่างมีนัยสำคัญที่ 1,610 ล้านบาท
กลยุทธ์ก้าวข้ามความท้าทายและสร้างโอกาสใน 2568
จากบทเรียนและผลลัพธ์ในปีที่ผ่านมา สู่การวางหมากในปี 2568 ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำ กำลังให้ความสำคัญกับหลายปัจจัย ดังนี้:
การปรับพอร์ตโฟลิโอให้ยืดหยุ่น: เน้นการพัฒนา โครงการใหม่ ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว ระดับลักซ์ชัวรี, ทาวน์โฮม สำหรับครอบครัวยุคใหม่ หรือ คอนโดมิเนียม ที่ผสมผสานฟังก์ชันการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างลงตัว การกระจายความเสี่ยงไปในหลายเซ็กเมนต์และทำเลทองต่างๆ คือหัวใจสำคัญ
การนำเทคโนโลยี PropTech มาใช้: การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด, VR/AR สำหรับการนำเสนอโครงการ, ระบบ Smart Home เพื่อยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัย, และแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการขายและการบริหารจัดการลูกค้า จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
ความยั่งยืนและ ESG: ESG อสังหาฯ ไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นความจำเป็น นักลงทุนและผู้ซื้อบ้านยุคใหม่ให้ความสำคัญกับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานสะอาด การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างชุมชนที่ยั่งยืน จะเป็นจุดแข็งในการแข่งขัน
การบริหารจัดการต้นทุนและการเงินอย่างรัดกุม: ในยุคที่ ดอกเบี้ยขาขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบผันผวน การควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง การบริหารหนี้ และการรักษาเสถียรภาพทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การเข้าถึง สินเชื่อบ้าน ที่หลากหลายและเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นจะเป็นปัจจัยที่ดึงดูด กำลังซื้อผู้บริโภค
การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่า: จากการทำ การตลาดอสังหาฯ ที่มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายที่ใส่ใจ การสร้างความประทับใจและสร้างความผูกพันกับลูกค้าจะช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างการบอกต่อ
อนาคตของอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568
ปี 2568 จะเป็นปีที่ตลาด อสังหาริมทรัพย์ไทย ค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะฟื้นตัวอย่างมีคุณภาพและคัดกรองผู้เล่นที่แข็งแกร่งและปรับตัวได้ดีเท่านั้น บริษัทที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยี สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม และบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างชาญฉลาด จะเป็นผู้ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างแท้จริง การลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ จะยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ แต่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่แม่นยำและการมองเห็นโอกาสในความท้าทาย
หากคุณเป็นนักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาส หรือผู้ประกอบการที่ต้องการก้าวทันทุกความเปลี่ยนแปลงในโลกของ อสังหาริมทรัพย์ไทย ปี 2568, ติดตามข่าวสารเชิงลึก, บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ และโอกาสการลงทุนที่ดีที่สุดกับเรา เพื่อนำทางคุณสู่ความสำเร็จในตลาดที่เต็มไปด้วยศักยภาพนี้
