• Sample Page
newsthailan.tfvp.org
No Result
View All Result
No Result
View All Result
newsthailan.tfvp.org
No Result
View All Result

ตัดไม้เพียง “ต้นเดียว” ถูกผู้ใหญ่บ้านแจ้งจับ ปรับหลักแสนจนหนี้ท่วม ก่อนโดนป่าไม้ฟ้องซ้ำ — ตั้งคำถามยุติธรรมอยู่ที่ไหน?

admin79 by admin79
December 11, 2025
in Uncategorized
0
ตัดไม้เพียง “ต้นเดียว” ถูกผู้ใหญ่บ้านแจ้งจับ ปรับหลักแสนจนหนี้ท่วม ก่อนโดนป่าไม้ฟ้องซ้ำ — ตั้งคำถามยุติธรรมอยู่ที่ไหน?

สองตายาย ร้องทุกข์สำนักข่าวคมชัดลึก  ครอบครัวสุดท้อไม่รู้จะเดินต่ออย่างไร หลังคุณตาตัดไม้สักในพื้นที่ครอบครองของตัวเอง1ต้น ซึ่งเป็นต้นเดิม (หน่อ) เพื่อนำไปเสาหลังคากันแดด แต่หลังจากนั้น ผู้ใหญ่บ้านแจ้งปรับ-แจ้งป่าไม้จับฟ้อง-ปรับหนึ่งแสน จนหมดเนื้อหมดตัวเป็นหนี้สิน  แม้สุดท้ายศาลลำปางสั่งให้คืนเงินค่าปรับเพราะไม่มีอำนาจ และระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นสิทธิ์ของตายายและแม้ต้นไม้ที่ตัดครอบครัวเป็นผู้ปลูก แต่เมื่อมีผู้ร้อง จนท.ป่าไม้จึงต้องแจ้งความดำเนินคดี แม้ปริมาตรของต้นไม้1ต้นจะมีเพียง 0.2 ลบ.ม ซึ่งน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ตาม  เรื่องยังไม่จบผู้ใหญ่บ้านยังกีดกั้นไม่ให้เข้าร่วมทุกโครงการ–กดดัน สสจ.ให้ปลดยายออกจาก อสม.-กดดันหลานชายที่เรียน รร. ในหมู่บ้านจนต้องย้ายไปเรียนต่างหมู่บ้าน ล่าสุดแจ้งให้ป่าไม้ฟ้องกล่าวหาแผ้วถางป่าซ้ำอีก ทั้งๆที่เป็นพื้นที่เดิม ขณะที่ในจุดอื่นผู้ใหญ่บ้านกลับปล่อยให้มีการบุกรุกที่ป่าเพิ่มโดยไม่ดำเนินการใดๆ 

ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568: บทเรียนจากอดีต สู่กลยุทธ์พิชิตตลาดในยุคใหม่

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นวัฏจักรของตลาดที่หมุนเวียนเปลี่ยนผันอยู่เสมอ ตั้งแต่ช่วงเวลาเฟื่องฟูจนถึงภาวะชะลอตัวที่ท้าทาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี 2566 ถือเป็นอีกบทพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่แม้จะไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังเหมือนช่วงที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ก่อนหน้า แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวของผู้ประกอบการชั้นนำ บทเรียนจากปีนั้นจึงเป็นเสมือนแผนที่สำคัญในการนำทางสู่ปี 2568 ซึ่งเต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เงินเฟ้อที่ยังคงเป็นแรงกดดันหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์โลก และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่รวดเร็วยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อทั้งอุปสงค์และอุปทานใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568

การวิเคราะห์ผลประกอบการของ บริษัทอสังหาฯ จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 41 แห่งเมื่อปี 2566 โดย Property Mentor ได้มอบข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าที่สะท้อนถึงภูมิทัศน์ของธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา และเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งสำหรับการทำความเข้าใจถึง แนวโน้มอสังหาฯ และ กลยุทธ์อสังหาฯ 2568 ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเป็น “ผู้ชนะตัวจริง” ในสภาพตลาดปัจจุบันและอนาคต บทความนี้จะเจาะลึกถึงตัวเลขเหล่านั้น พร้อมทั้งวิเคราะห์ถึงปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนและท้าทายตลาดในปี 2568 ตลอดจนนำเสนอแนวทางและโอกาสสำหรับ การลงทุนอสังหาฯ ที่ชาญฉลาดในยุคดิจิทัลและยั่งยืน

ภูมิทัศน์เศรษฐกิจมหภาคและปัจจัยขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568

ก่อนที่เราจะดำดิ่งสู่ตัวเลขผลประกอบการ ผมขอนำพาทุกท่านสำรวจปัจจัยมหภาคสำคัญที่จะหล่อหลอม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568 ดังนี้:

อัตราดอกเบี้ยและสินเชื่อ: แม้เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณชะลอตัว แต่อัตราดอกเบี้ยในหลายประเทศรวมถึงไทยยังคงอยู่ในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืมของผู้ประกอบการและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ต้องการ สินเชื่อบ้าน หากอัตราดอกเบี้ยยังคงทรงตัวหรือปรับขึ้นเล็กน้อย การเข้าถึงสินเชื่อจะเป็นความท้าทายสำหรับทั้งนักลงทุนและผู้ซื้อบ้านทั่วไป
เงินเฟ้อและกำลังซื้อ: ค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ผู้คนจะระมัดระวังในการตัดสินใจซื้อทรัพย์สินขนาดใหญ่มากขึ้น และมองหา คอนโดราคาไม่แพง หรือ บ้านเดี่ยวทำเลดี ที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้สอยจริง
หนี้ครัวเรือน: ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงยังคงเป็นเงาตามหลอกหลอน สร้างความกังวลให้กับธนาคารในการปล่อยสินเชื่อและลดโอกาสในการเติบโตของยอดขายอสังหาริมทรัพย์โดยรวม
นโยบายภาครัฐ: การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สนามบินใหม่ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดการลงทุน และเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงมาตรการสนับสนุนการซื้อบ้าน เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง หรือโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ ก็เป็นปัจจัยที่ต้องจับตา
การลงทุนจากต่างชาติ: การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและนโยบายเปิดประเทศ คาดว่าจะนำไปสู่การกลับมาของนักลงทุนและผู้ซื้อจากจีน ซึ่งเป็นกลุ่มกำลังซื้อขนาดใหญ่สำหรับ คอนโดหรู 2568 และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในเมืองท่องเที่ยวหลัก นอกจากนี้ ตลาดใหม่ๆ จากตะวันออกกลางและอินเดียก็เริ่มมีความสำคัญมากขึ้น
เมกะเทรนด์: อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน (ESG) กลายเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ใช่แค่ในเชิงสิ่งแวดล้อม แต่ยังรวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและธรรมาภิบาล ผู้พัฒนาที่ให้ความสำคัญกับ ESG จะได้เปรียบในการแข่งขัน การนำเทคโนโลยีมาใช้ใน PropTech ไทย เช่น AI, IoT, VR/AR สำหรับการออกแบบ การตลาด และการบริหารจัดการทรัพย์สิน จะเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จ

ถอดรหัสผลงานปี 2566: ภาพสะท้อนสู่ปี 2568

ปี 2566 ได้มอบบทเรียนอันล้ำค่า แม้ว่าโดยรวมแล้วจะเป็นปีที่ท้าทาย แต่ก็มีผู้เล่นที่สามารถปรับตัวและสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้เพื่อรับมือกับปี 2568

รายได้รวม: ปัจจัยชี้วัดความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอ

เมื่อพิจารณารายได้รวมของ บริษัทอสังหาฯ ทั้ง 41 แห่งในปี 2566 พบว่าทำได้รวมกันกว่า 371,560 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยประมาณ -1.2% จากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 376,141 ล้านบาท ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงภาวะตลาดที่ชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งใหญ่และกินเวลามาจนถึงปลายปี ซึ่งแม้แต่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4 ก็ยังไม่สามารถพลิกฟื้นได้อย่างที่ควรจะเป็น หากมองลึกลงไปในรายละเอียดจะพบว่ามีถึง 25 จาก 41 บริษัทที่มีรายได้รวมลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญสำหรับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568

บริษัทที่ต้องเผชิญกับรายได้รวมที่ติดลบในหลัก 20% ขึ้นไป อาทิ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์, อีสเทิร์น สตาร์ เรียล เอสเตท และ คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ ที่ติดลบไปราว -28% นอกจากนี้ยังมี ไรมอน แลนด์ ที่ติดลบ -26%, ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ -23%, เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ -22% และ ไซมิส แอสเสท -21% ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ถึงความท้าทายในการระบายสต็อกสินค้า การชะลอการเปิดโครงการใหม่ หรือการพึ่งพิงตลาดเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม คอนโดหรู 2568 ที่อาจต้องเผชิญกับภาวะซัพพลายล้นตลาดในบางทำเล

แม้แต่ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ก็ยังประสบปัญหารายได้รวมติดลบถึง 18% สิ่งที่น่าสังเกตคือ ใน 10 อันดับ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่มีรายได้รวมสูงสุดในปี 2566 มีถึง 5 บริษัทที่รายได้รวมลดลงจากปี 2565 นอกจากแลนด์แอนด์เฮ้าส์แล้ว ยังมี เอพี (ไทยแลนด์) ที่ติดลบเล็กน้อยไม่ถึง -1%, ศุภาลัย -10%, พฤกษา โฮลดิ้ง -9% และ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ รายได้รวมลดลงราว -4% การที่แม้แต่บริษัทขนาดใหญ่ก็ยังได้รับผลกระทบ แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันจากปัจจัยมหภาคอย่างแท้จริง การปรับตัวและสร้างความหลากหลายของแหล่งรายได้จึงเป็นหัวใจสำคัญสำหรับ กลยุทธ์อสังหาฯ 2568

10 อันดับบริษัทอสังหาฯ ที่มีรายได้รวมสูงสุด (ปี 2566):
แสนสิริ: 39,082 ล้านบาท (+12%) – แชมป์รายได้รวมที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเข้าถึงตลาดที่หลากหลายและกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง
เอพี (ไทยแลนด์): 38,399 ล้านบาท (ลดลงเล็กน้อย) – ผู้เล่นหลักที่ยังคงรักษาสถานะได้อย่างมั่นคง แม้เจอแรงกดดัน
ศุภาลัย: 31,818 ล้านบาท (-10%)
แลนด์แอนด์เฮ้าส์: 30,170 ล้านบาท (-18%)
พฤกษา โฮลดิ้ง: 26,132 ล้านบาท (-9%)
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น: 24,487 ล้านบาท
ยูนิเวนเจอร์: 17,672 ล้านบาท
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย): 16,169 ล้านบาท
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้: 15,157 ล้านบาท (-4%)
สิงห์ เอสเตท: 15,066 ล้านบาท

แสนสิริโดดเด่นด้วยการเติบโต 12% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวอย่างรวดเร็วและการเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ระดับกลางถึง คอนโดหรู ในทางตรงกันข้าม การที่ผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ รายได้ลดลง สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการประเมินและปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568

รายได้จากการขาย: หัวใจหลักของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

หากจะวัดประสิทธิภาพของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง ต้องพิจารณาที่ “รายได้จากการขาย” เพราะนี่คือแก่นแท้ของโมเดลธุรกิจ การที่บางบริษัทมีรายได้รวมสูงอาจมาจากรายได้อื่น ๆ เช่น ค่าเช่า บริการ หรือการขายสินทรัพย์ การพิจารณา ยอดขายบ้าน คอนโด จึงเป็นดัชนีที่แม่นยำที่สุด

ในปี 2566 บริษัททั้ง 41 แห่งสามารถทำรายได้จากการขายรวมกันได้ 268,460 ล้านบาท ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึงประมาณ -11% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้จากการขายรวมประมาณ 299,979 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจและแสดงถึงภาวะที่ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้ออย่างชัดเจน โดยมีถึง 30 จาก 41 บริษัทที่มีรายได้จากการขายลดลงจากปี 2565

บริษัทที่ได้รับผลกระทบหนักจากรายได้จากการขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ไรมอน แลนด์ ที่ลดลงมากถึง -78%, แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ รายได้จากการขายลดลงเกือบ -40% สิ่งที่น่าตกใจคือ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการ ก็มีรายได้จากการขายลดลงถึง -38% แม้แต่เบอร์ 1 อย่าง เอพี (ไทยแลนด์) ก็ยังมีรายได้จากการขายลดลงเล็กน้อยที่ -2% ซึ่งบ่งชี้ถึงภาพรวมที่ยากลำบากของตลาด โดยเฉพาะในกลุ่ม คอนโดหรู ที่ต้องอาศัยกำลังซื้อจากต่างชาติเป็นหลัก และ บ้านเดี่ยว ระดับบนที่อาจได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ การทำความเข้าใจตลาดเป้าหมายและปรับปรุงแผนการตลาดสำหรับ ยอดขายบ้าน คอนโด 2568 จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

อย่างไรก็ตาม ใน 10 อันดับบริษัทที่มีรายได้จากการขายสูงสุด ก็ยังคงมีบริษัทที่สามารถสร้างการเติบโตได้ ซึ่งแสดงถึงศักยภาพในการปรับตัวและกลยุทธ์ที่เฉียบคม

10 อันดับบริษัทอสังหาฯ ที่มีรายได้จากการขายสูงสุด (ปี 2566):
เอพี (ไทยแลนด์): 36,927 ล้านบาท (ลดลงเล็กน้อย -2%) – แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มกลางและบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แสนสิริ: 32,829 ล้านบาท (+7%) – หนึ่งในสองบริษัทที่สามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการเปิดตัวโครงการที่หลากหลายและทำเลที่โดดเด่น
ศุภาลัย: 30,836 ล้านบาท – ยังคงรักษาตำแหน่งได้ดีด้วยกลยุทธ์ที่เน้นความคุ้มค่าและคุณภาพ
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น: 23,370 ล้านบาท (+13%) – การเติบโตที่โดดเด่น สะท้อนถึงการลงทุนในโครงการคุณภาพสูงและการเข้าถึงตลาดระดับบนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พฤกษา โฮลดิ้ง: 22,357 ล้านบาท
แลนด์แอนด์เฮ้าส์: 18,966 ล้านบาท (ลดลง -38%) – แม้จะร่วงลงจากอันดับต้นๆ แต่ก็ยังรักษาสถานะใน Top 10 ได้
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย): 10,019 ล้านบาท
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้: 8,840 ล้านบาท (ลดลง -24%)
ควอลิตี้ เฮ้าส์: 7,619 ล้านบาท
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค: 7,171 ล้านบาท

บริษัทที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือ เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ที่เริ่มติดเครื่องหลังปูพรมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายมาแล้วหลายโครงการ โดยในปี 2566 CPN มีรายได้จากการขาย 5,835 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 103% จากปี 2565 ที่มีรายได้จากการขาย 2,870 ล้านบาท การเติบโตนี้สะท้อนถึงการใช้จุดแข็งของธุรกิจศูนย์การค้าและทำเลที่มีศักยภาพ มาต่อยอดพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบ Mixed-use ซึ่งเป็น โอกาสทองอสังหาฯ และเทรนด์สำคัญใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568 ที่ผู้ประกอบการรายอื่นควรศึกษา

กำไรสุทธิ: บทพิสูจน์ประสิทธิภาพและกลยุทธ์การเงินที่ยั่งยืน

ท้ายที่สุดแล้ว แม้จะทำยอดขายได้ดีแค่ไหน แต่หากไม่มีกำไรสุทธิที่จับต้องได้ ก็ไม่อาจถือว่าเป็นผู้ชนะตัวจริงได้ โดยในปี 2566 ทั้ง 41 บริษัททำกำไรสุทธิรวมกันได้ 44,165 ล้านบาท ลดลง -11% จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิรวมประมาณ 49,602 ล้านบาท ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้รายได้จากการขายจะลดลง แต่ต้นทุนการดำเนินงานและภาระดอกเบี้ยยังคงเป็นแรงกดดัน โดยมีกว่า 12 บริษัทที่ผลประกอบการขาดทุน ซึ่งบางบริษัทขาดทุนต่อเนื่องมา 3-4 ปีตั้งแต่ช่วงโควิดและยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ และกว่า 20 บริษัทจาก 41 บริษัทที่มีผลกำไรลดลงจากปี 2565 สะท้อนถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการต้นทุนและ การบริหารความเสี่ยงอสังหาฯ อย่างมีวินัยใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568

10 อันดับบริษัทอสังหาฯ ที่ทำกำไรสุทธิสูงสุด (ปี 2566):
แลนด์แอนด์เฮ้าส์: 7,495 ล้านบาท – แชมป์กำไรสุทธิ แม้รายได้จากการขายจะลดลงอย่างมาก แต่การขายโรงแรม 2 แห่งเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท ถือเป็นกลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์ที่ชาญฉลาด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กำไรโดดเด่น หากไม่นับรวมรายการพิเศษนี้ ศุภาลัยอาจขึ้นเป็นอันดับ 1 แทน
ศุภาลัย: 6,083 ล้านบาท – แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและกลยุทธ์การกำหนดราคาที่เหมาะสม
เอพี (ไทยแลนด์): 6,054 ล้านบาท – กำไรที่แข็งแกร่งสะท้อนถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีและการสร้างยอดขายที่มีมาร์จิ้น
แสนสิริ: 5,846 ล้านบาท (+42%) – การเติบโตของกำไรอย่างก้าวกระโดดนี้ ตอกย้ำความสำเร็จจากการบริหารจัดการโครงการที่มีประสิทธิภาพและยอดขายที่แข็งแกร่ง
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้: 3,160 ล้านบาท (ลดลง -25%) – แม้กำไรจะลดลง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง แสดงถึงศักยภาพของพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น: 2,525 ล้านบาท
ควอลิตี้ เฮ้าส์: 2,503 ล้านบาท
พฤกษา โฮลดิ้ง: 2,339 ล้านบาท
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย): 1,865 ล้านบาท
เซ็นทรัลพัฒนา: 1,610 ล้านบาท (ตัวเลขประมาณการจากกำไรก่อนหักภาษีเงินได้) – การเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาโครงการเพื่อขายอย่างเต็มตัวเริ่มส่งผลดีต่อกำไรอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การกระจายรายได้

บทเรียนจากแลนด์แอนด์เฮ้าส์ชี้ให้เห็นว่า การมีแหล่งรายได้ที่หลากหลายนอกเหนือจากการขายโครงการใหม่ เช่น รายได้จากสินทรัพย์ให้เช่า หรือการบริหารจัดการกองทุน การลงทุนใน REIT อสังหาฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างเสถียรภาพและเพิ่ม กำไรสุทธิอสังหาฯ ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568 ที่ความผันผวนยังคงเป็นเรื่องปกติ

กลยุทธ์พิชิตตลาดและโอกาสใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568

จากบทเรียนในปี 2566 และการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568 ผู้ประกอบการและนักลงทุนควรพิจารณากลยุทธ์ต่อไปนี้:

การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ: ไม่ควรพึ่งพิงเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัย แต่ควรพิจารณาขยายสู่เซกเมนต์ที่มีแนวโน้มการเติบโตดี เช่น อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ศูนย์ข้อมูล (Data Centers) อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในรูปแบบใหม่ๆ
การบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ: ในสภาวะดอกเบี้ยสูง การบริหารกระแสเงินสด การลดหนี้ และการหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำ จะเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาความสามารถในการทำกำไร
นวัตกรรมและ PropTech: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาโครงการ เช่น Smart Home, Smart Living, การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด, VR/AR ในการนำเสนอโครงการ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า
ความยั่งยืนและ ESG: ผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบและก่อสร้างอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Building) การใช้พลังงานสะอาด การบริหารจัดการของเสีย และการมีส่วนร่วมกับชุมชน จะได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคและนักลงทุนมากขึ้น และจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของ อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน
การเข้าใจและตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป: ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งาน ความคุ้มค่า พื้นที่สีเขียว การออกแบบที่ยืดหยุ่น และเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย การพัฒนาโครงการที่ตรงกับไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม เช่น Pet-Friendly Condo, Co-living Space, หรือ Home Office Hybrid จะสร้างโอกาสใหม่ๆ
การตลาดแบบเฉพาะเจาะจง: ใช้ข้อมูลเชิงลึก (Data Analytics) เพื่อทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายแต่ละเซกเมนต์ และวางกลยุทธ์การสื่อสารและการตลาดที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด
การฟื้นฟูกำลังซื้อจากต่างชาติ: เตรียมพร้อมรับมือกับการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่ม คอนโดหรู 2568 และโครงการในเมืองท่องเที่ยวหลัก การสร้างความสัมพันธ์กับเอเจนซี่ต่างชาติและการทำตลาดออนไลน์ในต่างประเทศจะเป็นสิ่งสำคัญ

บทสรุปและก้าวต่อไปสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

ปี 2568 จะยังคงเป็นปีที่ท้าทาย แต่ก็เต็มไปด้วย โอกาสทองอสังหาฯ สำหรับผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และปรับตัวให้เข้ากับพลวัตของตลาดได้อย่างรวดเร็ว บทเรียนจากปี 2566 ได้ตอกย้ำถึงความจำเป็นของการมีกลยุทธ์ที่รอบด้าน ไม่ใช่แค่การสร้างยอดขาย แต่ยังรวมถึงการบริหารจัดการต้นทุน การสร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลาย และการให้ความสำคัญกับกำไรสุทธิอย่างยั่งยืน ผู้ที่สามารถถอดรหัสและนำบทเรียนเหล่านี้ไปปรับใช้ พร้อมทั้งเปิดรับนวัตกรรมและความยั่งยืน จะเป็น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่แท้จริงในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้

หากท่านคือหนึ่งในนักลงทุนหรือผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโอกาสในการเติบโตใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568 และต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม เพื่อวางแผนกลยุทธ์ที่แม่นยำและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อรับคำปรึกษาเฉพาะทาง มาร่วมกันสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งให้กับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย!

Previous Post

ไม่ปล่อยคดี “นัทปง” จนกว่าตำรวจสรุปได้ — หมอคาใจคำพูดในบ้าน วันนี้เตรียมเปิดบ้านเก็บหลักฐานเพิ่ม

Next Post

“ลิซ่า” ผงาดนั่งบอร์ดสูงสุด Met Gala 2026 เคียงข้าง Anna Wintour — ก้าวประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจับตา

Next Post
“ลิซ่า” ผงาดนั่งบอร์ดสูงสุด Met Gala 2026 เคียงข้าง Anna Wintour — ก้าวประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจับตา

“ลิซ่า” ผงาดนั่งบอร์ดสูงสุด Met Gala 2026 เคียงข้าง Anna Wintour — ก้าวประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจับตา

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • จากฮีโร่ชายแดนยังยืนสู้เมื่อ 2 วันก่อน… วันนี้ “จ่าเต้ย” ต้องนอน ICU หลังถูกแรงปริศนาพุ่งใส่กลางสมรภูมิ ช่องอานม้า ขาทั้งสองขยับไม่ได้คนไทยอย่าปล่อยให้ผู้กล้าถูกลืม—ขอพลังใจให้จ่าเต้ยกลับมายืนเห็นชัยชนะด้วยตาตัวเองอีกครั้ง
  • “ระอุชายแดน! กัมพูชาเปิดฉากยิงปืนใหญ่ใส่หนองจาน–หนองหญ้าแก้ว ไทยสวนทันทีด้วยปืนใหญ่รถถัง สถานการณ์เริ่มตึงขั้นสุด”
  • “ทหารไทยยึด ‘เนิน 677 ช่องอานม้า’ สำเร็จ—แต่จ่าโอม ผู้สละชีวิตเพื่อจุดนี้ ไม่ได้อยู่เห็นชัยชนะที่เขาช่วยสร้าง เพื่อนทหารฝากบอก… ‘เราทำสำเร็จแล้วนะเพื่อน’ สดุดี ส.ท.จิระวัฒน์ มุ่งกลาง วีรบุรุษที่ความกล้าหาญไม่มีวันสูญเปล่า”
  • “มะลิ” สุนัขคู่ใจนั่งนิ่งส่งเจ้านายบนภูมะเขือ…เหมือนรู้ว่านี่คือการพบกันครั้งสุดท้ายญาติพี่น้องกอดมันทั้งน้ำตา ขณะที่พ่อเอ่ยลาลูกชายด้วยเสียงสั่น
  • “ระทึกกลางแคลิฟอร์เนีย! ท่อก๊าซใต้ดินระเบิด ทำอาคารพัง 3 หลัง เจ็บอย่างน้อย 6 ราย – ต้นตอเสียหายยังต้องตรวจสอบต่อ”

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.