ทภ.2 พบโดรนติด ค.82 บินลอบโจมตี ช่องอานม้า คาดต่างชาติรับจ้างบังคับทหารกัมพูชาคอยชี้เป้าเล็งบังเกอร์ไทย แนะกำลังพลหลบในที่กำบังทันที
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาค2 เปิดเผยถึงยุทธวิธีการใช้โดรนที่กัมพูชาใช้ในพื้นที่ช่องอานม้า ลักษณะโดรนที่ใช้จะเป็น FPV ติดลูกกระสุน ค.82 มม. และใช้สายไฟเบอร์ออปติกในการบังคับโดรน โดยจะมีโดรนชี้เป้า จำนวน 1 ตัว บินคอยดูสังเกตและแจ้งที่หมาย
แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568: ถอดรหัสผู้ชนะในยุคแห่งการพลิกโฉม
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงผันผวนของตลาดมาหลายระลอก แต่คงไม่มีปีไหนที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสในการปรับตัวที่เข้มข้นเท่าช่วงที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงปี 2568 นี้ ตลาด อสังหาริมทรัพย์ไทย กำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ ที่ไม่เพียงต้องการความเข้าใจในภาวะปัจจุบัน แต่ยังต้องอาศัยวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ การมองย้อนกลับไปถึงปี 2566 และ 2567 ที่ผ่านมา ย่อมเผยให้เห็นบทเรียนอันมีค่าสำหรับการวาง กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ ในปีแห่งการพลิกโฉมนี้
ปี 2566 ถือเป็นปีแห่งความผิดหวังสำหรับหลายๆ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ แม้จะมีความหวังจากแรงส่งที่ดีในช่วงปลายปี 2565 แต่ตลาดก็กลับเข้าสู่ภาวะชะลอตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยปัจจัยกดดันมากมาย ทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งใหญ่ อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง หนี้ครัวเรือนที่พุ่งขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแรงลงต่อเนื่อง สภาวะเหล่านี้ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดซบเซากว่าที่คาดไว้มาก แม้แต่ในช่วงไฮซีซั่นของไตรมาสสุดท้ายก็ยังไม่สามารถสร้างแรงกระตุ้นที่เพียงพอได้ บรรดา ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รายได้รวมของบริษัทอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์กว่าครึ่งหนึ่งติดลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากการขาย ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์ที่ชะลอตัวอย่างชัดเจน บริษัทขนาดใหญ่บางแห่งยังต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายนี้อย่างหนักหน่วง เช่น แสนสิริ ที่ผงาดขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งด้านรายได้รวมในปีนั้นด้วยกลยุทธ์ที่เฉียบขาด สวนทางกับกระแสที่หลายรายต้องประสบภาวะรายได้หดตัว แม้กระนั้น หากพิจารณาที่รายได้จากการขาย ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจหลัก เอพี (ไทยแลนด์) ยังคงแสดงความเป็นผู้นำได้อย่างไร้ข้อกังขา สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเจาะกลุ่มตลาดและบริหารจัดการการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2567 สถานการณ์ก็ยังไม่คลี่คลายลงโดยสิ้นเชิง เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยท้าทายจากภายนอก เช่น เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ภายในประเทศ แรงกระตุ้นจากภาครัฐยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะพยุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาคึกคักได้เท่าที่คาดหวัง อัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังคงเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลาง-ล่าง ทำให้การเข้าถึง สินเชื่อบ้าน เป็นไปได้ยากขึ้นสำหรับผู้ซื้อรายย่อย สิ่งนี้ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว หันไปให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสต็อก ลดการเปิดโครงการใหม่ที่อาจสร้างภาระ และมุ่งเน้นการระบายสินค้าคงค้าง การแข่งขันด้านราคาทวีความรุนแรงมากขึ้น และความสามารถในการทำกำไรกลายเป็นหัวใจสำคัญที่แท้จริง ท่ามกลางภาวะที่รายได้จากการขายลดลงโดยรวม การรักษาระดับกำไรสุทธิจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแกร่งทางการเงินและการบริหารต้นทุนอย่างมีวินัย บริษัทอย่างแลนด์แอนด์เฮ้าส์ยังคงยืนหนึ่งในด้านกำไรสุทธิ ด้วยการบริหารพอร์ตและกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความมั่นคง แม้จะมีรายได้จากการขายลดลง แต่การปรับพอร์ตสินทรัพย์และการสร้างมูลค่าเพิ่มจากช่องทางอื่นก็เป็นตัวอย่างที่ดีของความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ
ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568: บทเรียนสู่โอกาสใหม่
เมื่อมองไปยังปี 2568 ทิศทางของ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย กำลังจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ที่ซับซ้อนและท้าทายยิ่งขึ้น จากประสบการณ์ที่สั่งสมมา ผมเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ “คุณภาพ” สำคัญกว่า “ปริมาณ” และ “ความสามารถในการปรับตัว” คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ปัจจัยหลักที่จะขับเคลื่อนตลาดในปีนี้ ได้แก่:
เศรษฐกิจมหภาคและการฟื้นตัวของกำลังซื้อ: การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจะเป็นแรงส่งสำคัญ การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักเต็มที่จะหนุนเสริม อสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยว และภาคบริการ การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานจะสร้างงานและกระตุ้นดีมานด์ในพื้นที่รอบข้าง อย่างไรก็ตาม หนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ยังคงเป็นข้อจำกัดต่อ กำลังซื้อผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้ปานกลางและล่าง ผู้ประกอบการที่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงและเสนอโครงการที่คุ้มค่าในราคาที่เอื้อมถึง จะเป็นผู้ได้เปรียบ
อัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงิน: แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจมีการผ่อนคลายลงบ้างในช่วงกลางปีถึงปลายปี หากภาวะเงินเฟ้อยังคงมีเสถียรภาพ แต่ สินเชื่อบ้าน ก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ยืดหยุ่นและการสนับสนุนด้านการเงินจากผู้พัฒนาจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการปิดการขาย
การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรและพฤติกรรมผู้บริโภค: สังคมสูงวัยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดจนขนาดครัวเรือนที่เล็กลงและการเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนโสด หรือกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่มี ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของผลิตภัณฑ์อสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย การเชื่อมต่อ (connectivity) สุขภาพ (wellness) และความยั่งยืน (sustainability) มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่ที่อยู่อาศัยที่รองรับผู้สูงอายุ (Aging-in-place) ไปจนถึงที่พักอาศัยแบบ Co-living Space ที่ตอบโจทย์การทำงานและการใช้ชีวิตของคนเมือง
เทคโนโลยีและนวัตกรรม (PropTech): เทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) จะไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็น ตั้งแต่การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด การทำนายแนวโน้ม ราคาอสังหาริมทรัพย์ การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าผ่าน Virtual Tour หรือ Augmented Reality ไปจนถึง Smart Home เทคโนโลยี ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย การนำเทคโนโลยีมาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ
โอกาสและกลยุทธ์แห่งความสำเร็จในปี 2568
เพื่อก้าวข้ามความท้าทายและคว้าโอกาสในปี 2568 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์และนำเสนอ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ ที่รอบด้าน ดังนี้:
การกระจายการลงทุน (Diversification): การพึ่งพิงตลาดที่อยู่อาศัยประเภทเดียวอาจมีความเสี่ยงสูง ผู้ประกอบการควรพิจารณาขยายพอร์ตไปยัง อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น ออฟฟิศให้เช่า (โดยเฉพาะ Flexible Workspace), พื้นที่ค้าปลีกที่เน้นประสบการณ์, อสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ที่เติบโตตาม E-commerce หรือแม้กระทั่ง อสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยว และ Hospitality เช่น โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว การมีพอร์ตที่หลากหลายจะช่วยลดความผันผวนและสร้างกระแสรายได้ที่มั่นคง
การเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market Focus): แทนที่จะพยายามตอบสนองทุกคน การมุ่งเน้นไปที่ตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อและความต้องการที่ชัดเจนจะสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น อสังหาริมทรัพย์หรู สำหรับกลุ่มลูกค้า High-Net-Worth ที่ยังคงมีความต้องการและกำลังซื้อสูง, ที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติ (Expat Market) ในเมืองท่องเที่ยวหรือศูนย์กลางเศรษฐกิจ, ที่อยู่อาศัยที่เน้นการดูแลสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ, หรือโครงการที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly) ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรง
ความยั่งยืนและ ESG (Environmental, Social, Governance): กระแสความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นมาตรฐานใหม่ในการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน เช่น การออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการน้ำและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ จะไม่เพียงช่วยลดต้นทุนในระยะยาว แต่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าแบรนด์และดึงดูดนักลงทุนและผู้ซื้อที่ให้ความสำคัญกับ ESG อสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ การสร้างพื้นที่สีเขียว การส่งเสริมชุมชน และการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคและนักลงทุนใช้ในการตัดสินใจ
การนำเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้ (Data-Driven & Tech Adoption): การลงทุนใน PropTech ตั้งแต่ระบบบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM), ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มตลาด, ไปจนถึงแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ที่ครบวงจร จะเป็นสิ่งจำเป็น ผู้ประกอบการที่ใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพจะสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยง และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่การค้นหาโครงการไปจนถึงการบริการหลังการขาย
การบริหารจัดการเงินทุนและสภาพคล่อง (Financial Prudence & Liquidity): ในภาวะตลาดที่ยังมีความไม่แน่นอน การรักษาสภาพคล่องทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด การบริหารจัดการต้นทุนอย่างเข้มงวด การลดภาระหนี้สินที่ไม่จำเป็น และการพิจารณาแหล่งเงินทุนทางเลือก เช่น การระดมทุนผ่าน กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือ Private Equity จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน และเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนใน โอกาสลงทุนอสังหา ใหม่ๆ ที่จะเข้ามา
การสร้างแบรนด์และการตลาดแบบ Omni-channel: ในยุคที่ข้อมูลท่วมท้น การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ การใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Omni-channel ที่ผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์และคุณค่าที่แตกต่างจะสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว
บทสรุปและอนาคตที่ต้องจับตา
ปี 2568 จะเป็นปีที่ตลาด อสังหาริมทรัพย์ไทย ค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างระมัดระวัง แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นปีแห่งการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป จะเป็นผู้ชนะในสมรภูมิอันดุเดือดนี้ การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งใน การวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน จะเป็นหัวใจสำคัญที่แยกผู้ประสบความสำเร็จออกจากผู้ที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อมั่นว่า แม้ ความผันผวนอสังหาริมทรัพย์ จะยังคงมีอยู่ แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ถูกต้องและความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม โอกาสในการเติบโตในตลาดนี้ยังคงมีอยู่อย่างมหาศาล
หากคุณต้องการเจาะลึกถึงแนวโน้มเฉพาะทาง หรือต้องการคำแนะนำในการวางกลยุทธ์ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต เรายินดีที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์และวิเคราะห์โอกาสไปพร้อมกับคุณ เพื่อให้คุณสามารถก้าวสู่ความสำเร็จในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568 ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
