• Sample Page
newsthailan.tfvp.org
No Result
View All Result
No Result
View All Result
newsthailan.tfvp.org
No Result
View All Result

จี้กัมพูชาหยุดใช้ “โบราณสถาน” เป็นฐานทหารโจมตีไทย ชี้เข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม และทำลายมรดกโลกอย่างชัดเจน

admin79 by admin79
December 11, 2025
in Uncategorized
0
จี้กัมพูชาหยุดใช้ “โบราณสถาน” เป็นฐานทหารโจมตีไทย ชี้เข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม และทำลายมรดกโลกอย่างชัดเจน

วิกฤตสู่โอกาส: เจาะลึกผลประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568 และเส้นทางสู่ความยั่งยืน

ในฐานะที่ผมได้คลุกคลีอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ สิ่งที่ผมได้เฝ้าสังเกตมาโดยตลอดคือตลาดแห่งนี้เปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิตที่หายใจและปรับตัวอยู่เสมอ และในปี 2568 นี้ ก็เป็นอีกครั้งที่อุตสาหกรรมต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอันซับซ้อน แต่ขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยโอกาสทองสำหรับผู้ที่มองเห็นและพร้อมจะคว้ามันไว้ บทวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ฉบับนี้ จะพาคุณเจาะลึกสถานการณ์ปัจจุบัน สรุปบทเรียนจากปีที่ผ่านมา และคาดการณ์แนวโน้มอสังหาฯ 2568 ที่จะกำหนดทิศทางของตลาดไปสู่ปี 2569 พร้อมทั้งเปิดเผยว่าใครคือ “ผู้ชนะตัวจริง” ในสมรภูมิอันดุเดือดนี้ และอะไรคือกลยุทธ์ธุรกิจอสังหาฯ ที่จะนำพาทุกองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

ปี 2568 ไม่ใช่ปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะสามารถ “Take Off” ได้อย่างง่ายดายดังที่หลายฝ่ายเคยคาดหวังไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากเผชิญกับภาวะชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลพวงจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน อัตราเงินเฟ้อที่แม้จะเริ่มชะลอตัวลงแต่ก็ยังคงสร้างแรงกดดันต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ที่สำคัญคือปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยที่ยังคงเป็นเงาคุกคาม ทำให้สถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบระดับกลางถึงล่าง

อย่างไรก็ตาม ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ผมมองว่าปี 2568 นี้จะเป็นปีแห่งการปรับตัวครั้งสำคัญ เป็นปีที่ผู้ประกอบการจะต้องงัดเอากลยุทธ์ที่ล้ำลึกและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจและตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป ผู้ที่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้อย่างชาญฉลาดเท่านั้นที่จะยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง และเพื่อทำความเข้าใจภูมิทัศน์ของตลาดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผมได้ทำการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลผลประกอบการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กว่า 40 แห่ง ซึ่งเป็นกระจกสะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจน เพื่อหาคำตอบว่าใครคือผู้นำในแต่ละมิติ ทั้งในด้านรายได้รวม รายได้จากการขาย และหัวใจสำคัญอย่าง “กำไรสุทธิ” ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง

ภูมิทัศน์เศรษฐกิจไทย 2568: ปัจจัยกดดันและโอกาสที่มองข้ามไม่ได้

ก่อนที่เราจะดำดิ่งสู่ตัวเลขผลประกอบการ ผมคิดว่าเราต้องทำความเข้าใจถึงปัจจัยมหภาคที่กำลังส่งอิทธิพลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 อย่างถ่องแท้ จากมุมมองของผมที่มีประสบการณ์มานาน พบว่ามีหลายประเด็นที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ:

ภาวะหนี้ครัวเรือนและกำลังซื้อที่ถดถอย: นี่คือแรงกดดันที่สำคัญที่สุด การที่หนี้ครัวเรือนยังคงสูง ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง และธนาคารก็เข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับโครงการที่จับตลาดเรียลดีมานด์ในกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีเครดิตดี หรือเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่ยาวนานกว่าคาด: แม้จะมีความหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในปีนี้ แต่การปรับลดอาจไม่เร็วและไม่แรงเท่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินในการพัฒนาโครงการยังคงสูง และภาระผ่อนชำระของผู้ซื้อบ้านก็เพิ่มขึ้น ทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอตัวลงไปอีก
เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน: การส่งออกที่ยังคงเปราะบางและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่เต็มที่ ทำให้เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังขาดแรงขับเคลื่อนที่แข็งแกร่ง แม้จะมีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ แต่ผลลัพธ์ยังต้องใช้เวลา
การแข่งขันที่รุนแรงและการบริหารจัดการสต็อก: ปริมาณซัพพลายคงค้างในบางทำเลและบางประเภทสินค้ายิ่งเพิ่มความกดดันในการขาย ทำให้ผู้ประกอบการต้องใช้กลยุทธ์การตลาดที่เข้มข้น และต้องบริหารจัดการสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อหลีกเลี่ยงการแบกรับต้นทุนที่ไม่จำเป็น

ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ โอกาสที่สำคัญก็ยังคงอยู่:

ทำเลศักยภาพและการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม: โครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนและที่อยู่อาศัยในอนาคต ทำเลที่เชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชนยังคงเป็นที่ต้องการ
ตลาดต่างชาติที่เริ่มฟื้นตัว: แม้จะยังไม่กลับมาเต็มที่ แต่การเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางของจีนและประเทศอื่นๆ ก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการที่เน้นตลาดนี้ควรเตรียมพร้อมด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และช่องทางการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายต่างชาติ
เทรนด์ ESG และความยั่งยืน: ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลมากขึ้น โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานสะอาด หรือการพัฒนาชุมชน จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ นี่คือ “การลงทุนอสังหาริมทรัพย์” ในมิติใหม่ที่ยั่งยืน
เทคโนโลยี PropTech: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนา การตลาด การขาย และการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ตั้งแต่การใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลตลาด ไปจนถึง Virtual Tour และ Smart Home Solutions

รายได้รวม: ใครคือยักษ์ใหญ่ที่ยังคงยืนหยัด?

จากการรวบรวมข้อมูลบริษัทอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กว่า 40 แห่ง พบว่าภาพรวมรายได้รวมในปี 2567 (ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่เราใช้ในการประเมินและคาดการณ์ปี 2568) ยังคงเผชิญกับแรงกดดัน โดยรวมแล้วมีทิศทางที่ชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงภาวะตลาดที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกรายบริษัท เราจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน

กลุ่มบริษัทที่ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในด้านรายได้รวมได้เป็นอย่างดี มักจะเป็นบริษัทที่มีพอร์ตโฟลิโอหลากหลาย ไม่ได้พึ่งพิงรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงมีรายได้ประจำ (Recurring Income) จากธุรกิจอื่นๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือออฟฟิศให้เช่า ที่ช่วยพยุงภาพรวมเอาไว้

แสนสิริ ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้วยการบริหารจัดการพอร์ตโครงการที่หลากหลายและตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ ทำให้ยังคงรักษาระดับรายได้รวมไว้ได้ดี
เอพี (ไทยแลนด์) แม้จะเผชิญความท้าทาย แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบและคอนโดมิเนียมบางเซกเมนต์ที่ยังมีความต้องการ ทำให้รายได้รวมยังคงติดอันดับต้นๆ
ศุภาลัย ยังคงเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่น่าจับตา ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่เน้นความคุ้มค่าและกระจายความเสี่ยงในหลายทำเล ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ แม้จะมีการปรับพอร์ตและชะลอการเปิดโครงการใหม่ๆ ในบางช่วง แต่ด้วยฐานรายได้จากธุรกิจเช่าและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ที่แข็งแกร่ง ทำให้รายได้รวมยังคงมีเสถียรภาพ และยังคงเป็น “หุ้นอสังหาฯ น่าลงทุน” ในสายตานักลงทุนที่มองหาความมั่นคง
เซ็นทรัลพัฒนา คืออีกหนึ่งเพชรเม็ดงามที่เริ่มฉายแสงโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเก็บเกี่ยวรายได้จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายที่ปูพรมมาหลายปี และรายได้จากธุรกิจศูนย์การค้า โรงแรม และออฟฟิศให้เช่าที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้บริษัทนี้กลายเป็นผู้เล่นที่น่าจับตาในมิติของรายได้รวม

ในทางกลับกัน บริษัทที่พึ่งพิงรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยเป็นหลัก และมีโครงการค้างสต็อกจำนวนมากในทำเลที่ไม่เป็นที่ต้องการ หรือมีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ไม่สอดคล้องกับกำลังซื้อ มักจะเห็นรายได้รวมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น บางบริษัทที่เคยมีขนาดใหญ่ในอดีต แต่ไม่สามารถปรับตัวตามสภาพตลาดได้ทันท่วงที ก็ต้องเผชิญกับตัวเลขที่ติดลบในหลักสองหลัก

สำหรับปี 2568 บริษัทที่ต้องการรักษาระดับรายได้รวมให้เติบโต จะต้องให้ความสำคัญกับการ “Diversification” หรือการกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น โกดังและโรงงานให้เช่า (Logistics Property) หรือธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ผมมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ตลาดปัจจุบัน

รายได้จากการขาย: หัวใจหลักของธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ

หากจะวัดกันที่ขีดความสามารถในการแข่งขันที่แท้จริงของ “ธุรกิจอสังหาฯ” รายได้จากการขาย (Revenue from Sales) คือตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุด เพราะสะท้อนถึงความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ การทำการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และการบริหารจัดการทีมขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากข้อมูลในปี 2567 พบว่าภาพรวมรายได้จากการขายของ 40 กว่าบริษัท ลดลงอย่างชัดเจนกว่าตัวเลขรายได้รวม สะท้อนถึงแรงกดดันอย่างหนักในตลาดที่อยู่อาศัย และมีบริษัทจำนวนมากที่รายได้จากการขายติดลบอย่างมีนัยสำคัญ

แต่ในหมู่ผู้เล่นที่เผชิญความท้าทาย ก็ยังมีผู้ที่โดดเด่น:

เอพี (ไทยแลนด์) ยังคงยืนหนึ่งในฐานะ “แชมป์ยอดขาย” ด้วยความสามารถในการวางกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดเฉพาะกลุ่มได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม และการนำ PropTech มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและบริหารจัดการการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ยังคงรักษาโมเมนตัมของการขายได้อย่างต่อเนื่อง
แสนสิริ ยังคงเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่แข็งแกร่ง ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ที่น่าสนใจและกลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์ ทำให้รายได้จากการขายยังคงเติบโตอย่างน่าประทับใจ
ศุภาลัย แสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอในการทำยอดขาย ด้วยการพัฒนาโครงการที่เน้นความคุ้มค่าและคุณภาพ ทำให้ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ซื้อ
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ทำผลงานได้ดีในด้านยอดขาย โดยเฉพาะในกลุ่มโครงการระดับบน ซึ่งยังคงมีกำลังซื้อสูงและได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่า

ในทางกลับกัน บริษัทที่มียอดขายตกต่ำอย่างน่าตกใจ ส่วนใหญ่มักเป็นบริษัทที่มีสต็อกคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่ยังขายไม่ได้จำนวนมาก หรือโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่เป็นที่ต้องการ หรือมีราคาที่ไม่สอดคล้องกับกำลังซื้อที่แท้จริง ทำให้ต้องเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องและต้นทุนการถือครองที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริษัทที่เคยเปิดตัวโครงการใหญ่ๆ ในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรือง แต่ไม่สามารถระบายสต็อกได้ทัน ก็ต้องยอมรับผลกระทบจาก “ตลาดอสังหาฯ” ที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับปี 2568 ผู้ประกอบการจะต้องเน้นกลยุทธ์การขายที่เน้น “การสร้างมูลค่า” (Value Proposition) มากกว่า “การลดราคา” เพียงอย่างเดียว ต้องศึกษาตลาดให้ลึกซึ้ง พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค เช่น การออกแบบเพื่อรองรับผู้สูงอายุ (Aging Society) การทำงานที่บ้าน (Work From Home) หรือการใช้ชีวิตแบบรักษ์โลก นอกจากนี้ การใช้ “การตลาดดิจิทัลอสังหาฯ” อย่างเต็มรูปแบบ และการร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อนำเสนอทางเลือกสินเชื่อที่เข้าถึงง่ายขึ้น จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ

กำไรสุทธิ: ใครคือ “ผู้ชนะตัวจริง” ในปี 2568?

สุดท้ายแล้ว หากบริษัทมีรายได้สูงแต่ไม่เหลือกำไร ก็ย่อมไม่ใช่ผู้ชนะที่แท้จริง กำไรสุทธิ (Net Profit) คือตัวชี้วัดประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ต้นทุน และความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจอย่างแท้จริง

จากข้อมูลในปี 2567 พบว่าภาพรวมกำไรสุทธิของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยอยู่ในภาวะกดดันอย่างหนัก โดยรวมแล้วลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และมีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่พลิกกลับมาขาดทุน หรือยังคงขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี สะท้อนถึงแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดที่รุนแรงขึ้น

แต่ในสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ ก็ยังคงมี “ผู้ชนะตัวจริง” ที่สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างโดดเด่น:

แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ยังคงเป็นแชมป์เก่าที่ยืนหนึ่งในเรื่องกำไรอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีรายได้รวมและรายได้จากการขายที่ปรับตัวลดลงในบางช่วงเวลา เหตุผลสำคัญคือการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีเยี่ยม การมีพอร์ตรายได้ประจำจากธุรกิจให้เช่าที่แข็งแกร่ง และที่สำคัญคือ “การบริหารความเสี่ยง” และการจัดการสินทรัพย์อย่างชาญฉลาด เช่น การขายสินทรัพย์ที่สร้างกำไรพิเศษ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ยาวนานในการบริหารธุรกิจ
ศุภาลัย ยังคงรักษามาตรฐานการทำกำไรที่ดี ด้วยการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตาในด้าน “ความยั่งยืนธุรกิจ”
เอพี (ไทยแลนด์) แม้จะเน้นการขายเพื่อรักษาโมเมนตัม แต่ก็ยังคงความสามารถในการสร้างผลกำไรได้อย่างน่าประทับใจ สะท้อนถึงการบริหารจัดการต้นทุนโครงการที่ดี
แสนสิริ มีการเติบโตของกำไรสุทธิที่โดดเด่นอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการระบายสต็อกและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
เซ็นทรัลพัฒนา คืออีกหนึ่งผู้เล่นที่กำลังก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ด้วยกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากทั้งธุรกิจพัฒนาเพื่อขายและธุรกิจให้เช่า ทำให้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำที่มี “กำไรสุทธิอสังหาฯ” ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ

บริษัทที่ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง มักจะเป็นบริษัทที่มีหนี้สินสูง มีต้นทุนทางการเงินมหาศาล และไม่สามารถระบายสต็อกสินค้าได้อย่างทันท่วงที ทำให้ต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้ง ซึ่งสถานการณ์นี้จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในปี 2568 หากไม่มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน

ก้าวต่อไปสู่ปี 2569: โอกาสและกลยุทธ์สำหรับตลาดอสังหาฯ ไทย

จากบทวิเคราะห์ทั้งหมดนี้ ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าปี 2568 เป็นปีแห่งความท้าทายที่ต้องใช้ความอดทนและกลยุทธ์ที่เฉียบคม อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มองการณ์ไกล ผมเชื่อว่า “อนาคตตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย” ยังคงมีโอกาสสดใสสำหรับผู้ที่ปรับตัวได้รวดเร็วและมองเห็นเทรนด์ที่กำลังจะมาถึง

แนวโน้มอสังหาฯ 2569 จะเน้นไปที่:

การปรับตัวสู่ “Affordable Luxury” และ “Affordable Living”: ผู้บริโภคจะยังคงมองหาโครงการที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดในราคาที่จับต้องได้ แต่ยังคงมีคุณภาพการออกแบบ ฟังก์ชันการใช้งาน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
การพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูส (Mixed-Use Development): การผสานที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีก สำนักงาน และพื้นที่ไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน จะยังคงเป็นรูปแบบที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในทำเลเมืองและใกล้ระบบขนส่งมวลชน
การให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being): โครงการที่มีพื้นที่สีเขียว การออกแบบที่ส่งเสริมสุขภาพกายและใจ หรือมีบริการด้านสุขภาพ จะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความยั่งยืนและ ESG: นี่ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการที่ผนวกแนวคิด ESG เข้าไปในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การออกแบบที่ประหยัดพลังงาน ไปจนถึงการบริหารจัดการของเสีย จะเป็นที่ต้องการของตลาดและนักลงทุน
PropTech และ Data Analytics: การนำข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์ความต้องการของตลาดอย่างแม่นยำ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง การขาย และการบริการ จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบ

บทสรุปและคำเชิญ

ปี 2568 เป็นบทพิสูจน์ที่แท้จริงสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ผู้ที่รอดพ้นและเติบโตได้คือผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีการบริหารจัดการที่ดี และมีความสามารถในการปรับตัวภายใต้แรงกดดัน คำว่า “การฟื้นตัวอสังหาฯ ไทย” อาจไม่ใช่การกลับไปรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว แต่เป็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งบนฐานรากที่มั่นคงและยั่งยืน

ในฐานะนักลงทุน ผู้พัฒนา หรือผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใน “ตลาดอสังหาริมทรัพย์” ที่ซับซ้อนนี้ การมีข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องเดินหลงทางในตลาดที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หากคุณต้องการทำความเข้าใจแนวโน้มเฉพาะด้าน วางแผน “กลยุทธ์การลงทุนอสังหาริมทรัพย์” หรือปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการ โปรดติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำเชิงลึกที่ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ของคุณโดยเฉพาะ มาร่วมสร้างโอกาสและเติบโตไปพร้อมกันในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่านนี้!

Previous Post

รัฐบาลสั่งช่วยเกษตรกรเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยง หลังเหตุปะทะไทย–กัมพูชา ส่งผลสัตว์กว่า 5.6 ล้านตัวได้รับผลกระทบ

Next Post

โดม ปกรณ์ ลัม ประกาศชัด!ย้ำใครคิดรุกรานไทยคือคิดผิด—เพราะไม่ได้สู้แค่กับกองทัพ แต่กำลังสู้กับ “คนไทยทั้งประเทศ” ที่พร้อมใจยืนหยัดเคียงข้างกัน

Next Post
โดม ปกรณ์ ลัม ประกาศชัด!ย้ำใครคิดรุกรานไทยคือคิดผิด—เพราะไม่ได้สู้แค่กับกองทัพ แต่กำลังสู้กับ “คนไทยทั้งประเทศ” ที่พร้อมใจยืนหยัดเคียงข้างกัน

โดม ปกรณ์ ลัม ประกาศชัด!ย้ำใครคิดรุกรานไทยคือคิดผิด—เพราะไม่ได้สู้แค่กับกองทัพ แต่กำลังสู้กับ “คนไทยทั้งประเทศ” ที่พร้อมใจยืนหยัดเคียงข้างกัน

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • จากฮีโร่ชายแดนยังยืนสู้เมื่อ 2 วันก่อน… วันนี้ “จ่าเต้ย” ต้องนอน ICU หลังถูกแรงปริศนาพุ่งใส่กลางสมรภูมิ ช่องอานม้า ขาทั้งสองขยับไม่ได้คนไทยอย่าปล่อยให้ผู้กล้าถูกลืม—ขอพลังใจให้จ่าเต้ยกลับมายืนเห็นชัยชนะด้วยตาตัวเองอีกครั้ง
  • “ระอุชายแดน! กัมพูชาเปิดฉากยิงปืนใหญ่ใส่หนองจาน–หนองหญ้าแก้ว ไทยสวนทันทีด้วยปืนใหญ่รถถัง สถานการณ์เริ่มตึงขั้นสุด”
  • “ทหารไทยยึด ‘เนิน 677 ช่องอานม้า’ สำเร็จ—แต่จ่าโอม ผู้สละชีวิตเพื่อจุดนี้ ไม่ได้อยู่เห็นชัยชนะที่เขาช่วยสร้าง เพื่อนทหารฝากบอก… ‘เราทำสำเร็จแล้วนะเพื่อน’ สดุดี ส.ท.จิระวัฒน์ มุ่งกลาง วีรบุรุษที่ความกล้าหาญไม่มีวันสูญเปล่า”
  • “มะลิ” สุนัขคู่ใจนั่งนิ่งส่งเจ้านายบนภูมะเขือ…เหมือนรู้ว่านี่คือการพบกันครั้งสุดท้ายญาติพี่น้องกอดมันทั้งน้ำตา ขณะที่พ่อเอ่ยลาลูกชายด้วยเสียงสั่น
  • “ระทึกกลางแคลิฟอร์เนีย! ท่อก๊าซใต้ดินระเบิด ทำอาคารพัง 3 หลัง เจ็บอย่างน้อย 6 ราย – ต้นตอเสียหายยังต้องตรวจสอบต่อ”

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.