รู้สึกถูกทำลายชื่อเสียง! วี วิโอเลต ลั่นเสียใจเผยปมดราม่าเสียงร้องพิธีเปิดซีเกมส์ 2025 เก้า จิรายุ พูดไม่ออกผิดหวังสุดจะบรรยายทั้งที่ไม่ได้หวังด้วยซ้ำ
จากกรณีดราม่า หลังการถ่ายทอดสดพิธีเปิด SEA GAMES 2025 มีผู้ชมสังเกตว่าเสียงร้องของ วี วิโอเลต ในการโชว์เพลง 1% มีอาการเพี้ยนไม่ตรงจังหวะระหว่างไลฟ์ โดย กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ได้ออกมาชี้แจง เนื่องจากการซ้อมได้รับบรีฟชัดเจนว่าโชว์จะเป็น ลิปซิงก์ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิค วันแสดงจริงศิลปินจึงปิดไมโครโฟนใน Ear Monitor ทำให้ศิลปิน ไม่ได้ยินเสียงตัวเองในหูฟัง แต่ทางทีมถ่ายทอดสดกลับมีการเปิดไมโครโฟนสดออกไลฟ์ โดยทางเวทีกับทาง OB สื่อสารไม่ตรงกันนั้น พร้อมขอความเห็นใจศิลปินที่ความผิดพลาดทางเทคนิคส่งผลต่อภาพลักษณ์วิชาชีพ และขออภัยผู้ชมแทนทีมงานด้วยนั้น
อสังหาริมทรัพย์ไทย 2568: ถอดรหัสทิศทาง กลยุทธ์พิชิตตลาด และผู้เล่นที่เหนือกว่าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังก้าวเข้าสู่ปี 2568 ด้วยภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ บทเรียนจากความท้าทายตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2566-2567 ที่เต็มไปด้วยปัจจัยกดดันทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และกำลังซื้อที่เปราะบาง ได้หล่อหลอมให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน ปี 2568 จึงไม่ใช่เพียงแค่ปีแห่งการฟื้นตัว แต่เป็นปีแห่งการวางกลยุทธ์ใหม่เพื่อความอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์กว่าทศวรรษในวงการนี้ได้ประจักษ์ถึงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญจากยุคแห่งการแข่งขันด้านปริมาณ สู่ยุคที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความยืดหยุ่น และการตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่มอย่างแท้จริง
ปัจจัยมหภาคขับเคลื่อนและท้าทายตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568
ปี 2568 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงเผชิญกับปัจจัยทั้งบวกและลบ แต่ด้วยแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงภาคการส่งออกที่เริ่มมีสัญญาณบวก อาจช่วยพยุงภาพรวมเศรษฐกิจให้เติบโตได้ อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยแม้จะเริ่มมีแนวโน้มทรงตัวหรือปรับลดลงเล็กน้อย แต่ภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นประเด็นสำคัญที่จำกัดกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มระดับกลางถึงล่าง นอกจากนี้ ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์โลกอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) และห่วงโซ่อุปทาน
รัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ผ่านนโยบายต่างๆ เช่น การผ่อนปรนมาตรการ LTV (Loan to Value) การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง รวมถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับชาวต่างชาติและผู้มีความสามารถพิเศษ ซึ่งหากดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยดึงดูดเม็ดเงินใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการต้องตระหนักถึงความซับซ้อนของตลาดที่ต้องการการวิเคราะห์เชิงลึกและการปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับแต่ละสถานการณ์
แนวโน้มสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568
การปรับตัวสู่ความยั่งยืนและ ESG (Environmental, Social, Governance): นี่ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นแกนหลักของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ผู้บริโภคและนักลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับโครงการที่มีการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะอย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ชุมชน และการบริหารงานที่มีธรรมาภิบาล การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เน้น ESG ไม่เพียงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แต่ยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาวและเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการในสายตานักลงทุนสถาบัน
PropTech และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง: เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกมิติของวงการอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่การใช้ AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด การทำนายความต้องการของผู้บริโภค ไปจนถึงการใช้ BIM (Building Information Modeling) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบและก่อสร้าง ลดความผิดพลาดและประหยัดเวลา Smart Home & Smart Living กลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานที่ผู้บริโภคคาดหวัง การใช้ระบบอัตโนมัติในการบริหารจัดการอาคาร (Building Automation Systems) และการตลาดดิจิทัลที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เป็นหัวใจสำคัญที่ผู้พัฒนาต้องลงทุน
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและพฤติกรรมผู้บริโภค:
สังคมสูงวัย (Aging Society): ความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Living) ที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก บริการดูแลสุขภาพ และการออกแบบที่ปลอดภัย จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ขนาดครัวเรือนที่เล็กลง: ครัวเรือนเดี่ยวหรือคู่สมรสไม่มีบุตรมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยขนาดเล็กลงแต่เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันและพื้นที่ส่วนกลางที่มีคุณภาพ
วิถีชีวิตแบบ Hybrid Work: การทำงานแบบผสมผสาน (Work from Home + Work from Office) ยังคงเป็นที่นิยม ทำให้ความต้องการพื้นที่ในบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทำงานได้ รวมถึงโครงการที่มี Co-working Space หรือพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์การทำงานและความบันเทิง มีความน่าสนใจ
ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เน้นสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness & Well-being): โครงการที่มีพื้นที่สีเขียว การเข้าถึงธรรมชาติ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ และการออกแบบที่ส่งเสริมสุขภาวะที่ดี จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
การกระจายตัวของทำเลและการพัฒนาเมืองรอบนอก: แม้ทำเลใจกลางเมืองยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด Luxury Real Estate แต่ด้วยราคาที่ดินที่สูงขึ้นและการขยายตัวของโครงข่ายคมนาคม ทำให้เมืองบริวารและหัวเมืองรองที่มีศักยภาพ เช่น โซนตะวันออก (EEC), เชียงใหม่, ภูเก็ต, ขอนแก่น กลายเป็นทำเลทองสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์

วิเคราะห์ตลาดแยกตามประเภทอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568
ตลาดที่อยู่อาศัย (Residential Real Estate):
คอนโดมิเนียม: ตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเผชิญกับความท้าทายจากอุปทานคงค้างในบางทำเล โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด อย่างไรก็ตาม คอนโดมิเนียมที่ประสบความสำเร็จในปี 2568 จะต้องมีจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งใกล้ระบบขนส่งมวลชน การออกแบบฟังก์ชันที่ใช้สอยได้จริง ราคาที่สมเหตุสมผล และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง รวมถึงการนำเทคโนโลยี Smart Home เข้ามาผสานอย่างลงตัว กลุ่มคอนโดมิเนียมลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรี ยังคงมีดีมานด์จากกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูงและนักลงทุนต่างชาติ
แนวราบ (บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์, บ้านแฝด): ตลาดแนวราบยังคงเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 โดยเฉพาะในทำเลเมืองรอบนอกและปริมณฑลที่เข้าถึงการเดินทางสะดวก ด้วยความต้องการพื้นที่ที่มากขึ้นเพื่อรองรับวิถีชีวิตแบบ Hybrid Work และการใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวขนาดเล็กถึงกลาง ผู้ประกอบการเน้นการพัฒนาโครงการที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ
ตลาดอาคารสำนักงาน (Office Real Estate): ปี 2568 ตลาดอาคารสำนักงานจะเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากอุปทานใหม่ๆ ที่เข้ามาในตลาด ผู้เช่าจะมีความคาดหวังสูงขึ้นในด้านคุณภาพของอาคาร การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การมีระบบ Smart Building เพื่อประหยัดพลังงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน (Wellness Features) “Flight to Quality” จะเป็นปรากฏการณ์เด่น คือผู้เช่าจะย้ายจากอาคารเก่าไปสู่อาคารใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานยุคใหม่ อาคารสำนักงานแบบ Co-working Space ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับบริษัทขนาดเล็กและสตาร์ทอัพ
ตลาดค้าปลีก (Retail Real Estate): ปี 2568 ตลาดค้าปลีกยังคงต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ที่ประสบความสำเร็จจะเน้นการสร้าง “ประสบการณ์” (Experiential Retail) มากกว่าแค่การขายสินค้า เช่น การเพิ่มพื้นที่สำหรับกิจกรรม สันทนาการ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และพื้นที่สีเขียว นอกจากนี้ การผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (Omni-channel) เพื่อสร้างความสะดวกสบายสูงสุดให้ลูกค้าก็เป็นสิ่งจำเป็น ตลาดศูนย์การค้าระดับพรีเมียมและคอมมูนิตี้มอลล์ในทำเลศักยภาพยังคงมีโอกาสเติบโต
ตลาดอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (Industrial & Logistics Real Estate): ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการเติบโตของ E-commerce และการลงทุนภาคอุตสาหกรรมใน EEC ปี 2568 จะยังคงเป็นตลาดที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะคลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouse) ที่มีระบบบริหารจัดการอัตโนมัติ คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) และคลังสินค้าที่ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการจะเน้นการพัฒนาโครงการในทำเลยุทธศาสตร์ใกล้ท่าเรือ สนามบิน และโครงข่ายคมนาคมหลัก
ตลาดโรงแรมและการท่องเที่ยว (Hospitality Real Estate): การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะจากตลาดนักท่องเที่ยวจีนและตะวันออกกลาง จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญสำหรับตลาดโรงแรมไทยในปี 2568 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) และการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (Sustainable Tourism) จะเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ผู้ประกอบการโรงแรมควรให้ความสนใจ การลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ตที่ตอบโจทย์ตลาดเฉพาะกลุ่มและมีเอกลักษณ์จะสร้างความได้เปรียบ
กลยุทธ์พิชิตตลาดและผู้เล่นที่เหนือกว่าในปี 2568
ปี 2568 ไม่ใช่ปีสำหรับผู้เล่นที่ทำธุรกิจแบบเดิมๆ อีกต่อไป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนจะต้องมีกลยุทธ์ที่เฉียบคมและแตกต่างจากคู่แข่ง:
การบริหารพอร์ตโฟลิโอเชิงรุกและหลากหลาย: ผู้ประกอบการชั้นนำจะไม่พึ่งพารายได้จากการขายที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่จะกระจายความเสี่ยงและสร้างแหล่งรายได้ประจำ (Recurring Income) จากธุรกิจอื่นๆ เช่น อาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ คลังสินค้า หรือแม้กระทั่งศูนย์ข้อมูล (Data Center) การปรับพอร์ตโฟลิโอให้สมดุลเช่นนี้ ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นและรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น บทเรียนจากผู้ประกอบการที่เคยประสบความสำเร็จจากการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ เช่น การขายสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) จะเป็นแนวทางที่น่าสนใจในปี 2568

การควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการการเงินอย่างมีวินัย: ในภาวะที่กำลังซื้อยังคงจำกัด การบริหารต้นทุนการก่อสร้าง การจัดหาที่ดิน และต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นหัวใจสำคัญ บริษัทที่สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ดี และมีการบริหารหนี้สินอย่างรอบคอบ จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันสูง
การวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ: ผู้ประกอบการต้องลงทุนในการวิจัยและทำความเข้าใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่มได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นโครงการสำหรับผู้สูงอายุ (Aging in Place), ที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพ (Health & Wellness Living), หรือโครงการที่ผสานเทคโนโลยี Smart Home เข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ
การสร้างแบรนด์และประสบการณ์ลูกค้าที่โดดเด่น: ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและความผูกพันกับลูกค้าเป็นสิ่งจำเป็น ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขาย การสร้างชุมชนที่น่าอยู่ และการมอบประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่ “บ้าน” แต่คือ “วิถีชีวิต”
การผนึกกำลังและพันธมิตรทางธุรกิจ: การร่วมทุน (Joint Venture) กับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุนเพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ การขยายตลาด หรือการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ผู้เล่นที่เหนือกว่าในปี 2568 จะมีลักษณะอย่างไร?
ผู้เล่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในปี 2568 คือผู้ที่สามารถผสมผสานความแข็งแกร่งทางการเงินเข้ากับวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้าด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน บริษัทที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา มักเป็นผู้ที่กล้าลงทุนในการขยายพอร์ตโฟลิโอไปสู่ธุรกิจที่มีรายได้ประจำ หรือเป็นผู้ที่เข้าใจและเข้าถึงความต้องการของตลาดมวลชนได้อย่างรวดเร็ว
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบราคาที่เข้าถึงได้ ควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างมาลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ จะยังคงรักษาฐานลูกค้าได้ดี ขณะเดียวกัน บริษัทที่มุ่งเน้นตลาดลักชัวรีและมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ควบคู่กับการนำเสนอบริการระดับพรีเมียม ก็ยังคงมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีกำลังซื้อสูง อีกกลุ่มหนึ่งคือผู้ที่ขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ หรืออสังหาริมทรัพย์เฉพาะทาง เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม หรือคลังสินค้า ที่สร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในระยะยาว นี่คือภาพของผู้เล่นที่ “เหนือกว่า” ไม่ใช่แค่ในแง่ของขนาด แต่คือความสามารถในการปรับตัวและสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร
ปี 2568 จึงเป็นปีแห่งการพิสูจน์วิสัยทัศน์และความสามารถในการบริหารจัดการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทย ผู้ที่สามารถถอดรหัสทิศทางตลาด มองเห็นโอกาสในความท้าทาย และวางกลยุทธ์ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและปัจจัยมหภาคได้อย่างรวดเร็ว คือผู้ที่จะก้าวเป็นผู้ชนะที่แท้จริงในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุน หรือต้องการวางแผนกลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ให้แข็งแกร่งในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปี 2568 นี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้งคือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการนำพาคุณไปสู่เป้าหมาย
